เวลาเข้าไปที่หน่วยงานใดๆ สิ่งที่ผมมักจะทำเสมอ คือ ศึกษาว่าหน่วยงานนั้นๆ มีที่มาอย่างไร และมักเข้าไปสักการะ ทำความเคารพแก่สิ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ หรือมีประวัติศาสตร์ที่สำคัญกับที่นั้นๆ เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันครับ มีโอกาสเข้ามา นำเสนองาน แลกเปลี่ยนมุมมองแนวคิด ที่การประปานครหลวง สำนักงานใหญ่ ก่อนกลับออกมาจึงถือโอกาสเข้าไปถวายความเคารพพระบรมรูป สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๔๙ ตามประวัติศาสตร์ไทย
รัชกาลที่ ๕ คือหนึ่งในมหาราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ทรงทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาประเทศไทย ให้เจริญรุดหน้า และยกระดับการพัฒนาประเทศไทยให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศอย่างจริงจังตลอดรัชสมัยของพระองค์ท่าน ทั้งเรื่องการเลิกทาส การการปฏิรูปการปกครอง ให้เป็นกระทรวงต่างทั้ง ๑๒ กระทรวง การสร้างทางรถไฟรายแรก คือ กรุงเทพฯ ถึง อยุธยา ตั้งแต่ปี ร.ศ.๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓) ยังก่อตั้งการประปา การไฟฟ้า ไปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์ การสื่อสาร การรถไฟ การศึกษา และยังให้มีการขุดคลองหลายแห่ง ทั้งเพื่อการคมนาคมและการประปาในประเทศไทย เรียกว่าพัฒนาและลงมือทำ แบบมองเห็นผลประโยชน์ในระยะยาวของประเทศได้จริง แบบที่ไม่ว่านักการเมืองไหนๆ ในยุคใดๆ ก็เทียบไม่ได้จริงๆ
“๑๓ ก.ค. ๒๔๔๒ ประกาศการสร้างประปา เพื่อประโยชน์ของปวงชน”
หลังจากที่รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสยุโรป ๒ ครั้ง ทรงได้เห็นความเจริญพัฒนาของประเทศในฝั่งยุโรป จึงทรงพระราชดำริว่า กรุงเทพฯ น่าจะมีน้ำสะอาดสำหรับดื่มและใช้ จึงทรงพระกรุณราโปรดเกล้าฯว่าจ้างช่างผู้ชำนาญการประปามาจากฝรั่งเศส ชื่อ นายเดอลาม โฮเตียร์ มาวางแผนการประปาของกรุงเทพฯ จนเกิดการตั้ง “ การประปาสยาม” ขึ้นในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๔๕๒ โดยมีประกาศพระบรมราชโองการ มีใจความดังนี้
“ได้มีพระบรมราชโองการ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ดำรัสเหนือเกล้าฯ ให้ประกาศทราบทั่วกันว่า ทรงมีพระราชดำริห์ เห็นชอบพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้กรมศุขาภิบาล จัดการนำน้ำมาใช้ในพระนคร และเรียกกิจการนี้ ตามภาษาสันสกฤต เป็นคำสั้นว่า “การประปา” ให้เสนาบดีกระทรวงนครบาล จัดการให้การประปานี้ แล้วเสร็จตามพระราชดำริห์นั้น ทุกประการ” ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๘ (พ.ศ.๒๔๕๒)
ซึ่งเป็นที่มาของการก่อตั้งการประปาในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ก่อนที่พระองค์จะสวรรคตในวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ โดยใช้เวลาดำเนินการประมาณ ๕ ปีเศษ จึงสามารถจ่ายน้ำสะอาดให้กับชาวพระนครได้ใช้ นับว่าเป็นโครงการยิ่งใหญ่ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างใหญ่หลวง
“รัชกาลที่ ๖ เปิดการประปากรุงเทพฯ”
ต่อมาในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๔๕๗ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดกิจการที่มีชื่อเรียกว่า “การประปากรุงเทพฯ” และมีพระราชดำรัสในวันนั้นว่า
“...ท่านทั้งหลายที่ได้ช่วยเราทำการอันนี้ให้สำเร็จไปได้ ควรรู้สึกปลื้มใจว่า ได้ทำการอันเป็นประโยชน์และกุศลอย่างยิ่ง เพราะน้ำซึ่งใสสะอาดบริสุทธิ์ใครๆย่อมรู้อยู่แล้วทั้งในโบราณและบัดนี้ ว่าเป็นของจำเป็นเพื่อประโยชน์ และเพื่อความสุขสำหรับป้องกันโรคอันตรายของมนุษย์ น้ำใสสะอาดย่อมเป็นเครื่องบำบัดโรคได้ดีกว่าโอสถหรือเภสัชทั้งหลาย...”
โดยในสมัยนั้น น้ำประปาทางไทยขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพสูงมาก โดย Mr.Fermand Didier วิศวกรชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาเป็นผู้บริหารการประปายุค ร.๕ ได้เขียนหนังสือตีพิมพ์ในยุโรปว่า “น้ำประปาของกรุงเทพฯ เป็นน้ำสะอาดไม่แพ้เมืองใดในโลก”
“น้ำ ดิน ต้นไม้ ป่าไม้ คือ ชีวิต ที่สวยงามและยั่งยืน”
เริ่มจากเรื่องน้ำ เพราะ “น้ำคือชีวิต” ดังพระราชดำรัสของ ร.๙ ที่ว่า
“หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั้น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้”
“ดิน คือ สินทรัพย์ ที่จะทำให้เราไม่เป็นทาส”
“มีความเดือดร้อนอย่างยิ่งว่าประชาชนในเมืองไทยจะไร้ที่ดิน และถ้าไร้ที่ดินแล้วก็จะทำงานเป็นทาสเขา ซึ่งเราไม่ปรารถนาที่จะให้ประชาชนเป็นทาสคนอื่น แต่ถ้าเราสามารถที่จะขจัดปัญหานี้ โดยเอาที่ดินจำแนกจัดสรรอย่างยุติธรรม"
(พระราชดำรัสไว้ ณ สำนักงาน กปร. ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑)
“น้ำ และป่า คือสิ่งที่อยู่เคียงคู่กัน”
“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า”
(พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ณ วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๕)
“ปลูกต้นไม้ในใจคน แล้วคนจะดูแลต้นไม้”
“ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้ว คนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดิน และรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง”
(พระราชดำรัสของ ร.๙ ณ หน่วยงานพัฒนาต้นน้ำ ทุ่งจ๊อ จ.เชียงใหม่ พศ.ศ ๒๕๑๙)
ยักษ์เขียว (YAK GREEN) YAK green channel และ ดูเรียน คอร์ป (DURIAN) DurianCorp.
มุ่งมั่นในการสานต่อพระาชปณิธาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้โลกใบนี้อย่างยั่งยืน
บันทึกไว้ระหว่างการเดินทาง
บอม โอฬาร วีระนนท์
- CEO and Co-founder, DURIAN
- CEO and Co-founder, YAK GREEN (ยักษ์เขียว)
- Advisor and Co-founder, ANYA Meditec
- Advisor and Co-founder, OKOL
- Advisor and Co-founder, น้ำใสไทย
Source :
Comments